ข่าวประชาสัมพันธ์

รายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559

บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน)

รายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน 2559

ณ ห้องจามจุรี บอลรูม ชั้น เอ็ม โรงแรมปทุมวันปริ้นเซส

เลขที่ 444 มาบุญครองเซ็นเตอร์ ถนนพญาไท  แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน  กรุงเทพมหานคร

เริ่มประชุมเวลา 14.00 น.

    นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการ เป็นประธานที่ประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในขณะนี้
มีผู้ถือหุ้นของบริษัทมาเข้าร่วมประชุมทั้งด้วยตนเองและโดยการมอบฉันทะแล้วจำนวน 231 ราย นับเป็นจำนวนหุ้นได้ 473,836,322 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 992,010,177 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 47.77 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด  ซึ่งครบเป็นองค์ประชุมตามข้อบังคับของบริษัทแล้ว และก่อนที่จะเริ่มการประชุมตามระเบียบวาระ ประธานได้มอบหมายให้นายณัฐพสธร นนทจิตต์ เลขานุการบริษัท ในฐานะเลขานุการที่ประชุม ช่วยชี้แจงขั้นตอนการลงมติในแต่ละวาระของการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันนี้ให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบด้วย

    นายณัฐพสธร นนทจิตต์ เลขานุการที่ประชุมได้แนะนำกรรมการของบริษัทที่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ให้ที่ประชุมทราบดังนี้

    1.    นายสุเทพ    วงศ์วรเศรษฐ    ประธานกรรมการ 

    2.    นายวรสิทธิ์    โภคาชัยพัฒน์    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ

    3.    นายฟิลิปวีระ    บุนนาค    กรรมการและกรรมการบริหาร

    4.    นางสุธิดา    สุริโยดร    กรรมการและกรรมการบริหาร

    5.    นางสาวรัชนี    มหัตเดชกุล    กรรมการและกรรมการบริหาร

    6.    นายศักดิ์ศรี    พฤฒิธรรมกูล    กรรมการ

    7.    นายณัฐพสธร    นนทจิตต์    กรรมการและเลขานุการบริษัท

    8.    นายอัฏฐ์    อัศวานันท์    กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ

    9.    นางมาลัย    รัชตสวรรค์    กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ

   10.    นายชัยยพล     ทิมสุธีพันธ์    กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ

    ทั้งนี้ กรรมการบริษัทมีจำนวน 10 คน เข้าร่วมประชุมครบ

    ผู้ทำหน้าที่เป็นคนกลาง และเป็นผู้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการนับคะแนน ได้แก่ ที่ปรึกษากฎหมายนายศักดิ์ชัย วิรุฬห์ชีว จาก บริษัท สำนักงานกฎหมายบรรจงแอนด์วิทยา จำกัด 

    ผู้สอบบัญชีที่เข้าร่วมประชุมคือ นางสาววรรณาพร จงพีรเดชานนท์ จากบริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด และเลขานุการที่ประชุมได้ชี้แจงให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับขั้นตอนการลงมติในแต่ละวาระของการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการประชุมผู้ถือหุ้นจะปฏิบัติดังนี้

  1. การออกเสียงลงคะแนนหรือการลงมติในแต่ละวาระจะให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนเสียงโดยวิธีเปิดเผโดยประธานที่ประชุมจะสอบถามที่ประชุมว่า มีผู้ถือหุ้นท่านใดไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง และขอให้ยกมือขึ้น  หากไม่มีผู้ถือหุ้นท่านใดไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง ถือว่าที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติ หรือเห็นด้วยตามข้อเสนอของคณะกรรมการบริษัท 

      2.    ผู้ถือหุ้นมีสิทธิลงคะแนนเสียงหนึ่งเสียงต่อหนึ่งหุ้นที่ตนถืออยู่    

      3.    หากมีผู้ถือหุ้นท่านใดไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง ขอให้ท่านผู้ถือหุ้นบันทึกการลงคะแนนเสียงและลงชื่อในบัตรลงคะแนนที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทได้แจกให้ก่อนเข้าประชุม และประธานที่ประชุมจะให้เจ้าหน้าที่นำบัตรลงคะแนนของผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง ไปตรวจนับคะแนนเสีย  และถือว่าผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ยกมือในที่ประชุมมีมติให้การอนุมัติตามที่ประธานที่ประชุมเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

      4.    การนับผลการลงคะแนนเสียงในแต่ละวาระ จะนำคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง ไปหักออกจากจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในแต่ละวาระ ส่วนที่เหลือจะถือว่าเป็นจำนวนเสียงที่เห็นด้วย 

      5.    ประธานที่ประชุมจะแจ้งผลการลงมติให้ที่ประชุมรับทราบ 

    ทั้งนี้ ก่อนการลงมติในแต่ละวาระ บริษัทจะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้ซักถาม หรือแสดงความเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวาระนั้นๆ โดยขอให้ผู้ถือหุ้นที่ต้องการซักถาม หรือแสดงความเห็นกรุณาแจ้งชื่อ-นามสกุลให้ที่ประชุมทราบก่อนทุกครั้ง

        ตามที่บริษัทได้เผยแพร่ผ่านเวปไซต์ของบริษัทตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2558 โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ถือหุ้นเสนอระเบียบวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 และเสนอชื่อกรรมการล่วงหน้า ไม่มีผู้ถือหุ้นเสนอเรื่องเข้ามา

        เลขานุการที่ประชุมได้เรียนเชิญนายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการทำหน้าที่ประธานที่ประชุมเพื่อกล่าวเปิดประชุมและดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระการประชุมต่อไป

วาระที่ 1    พิจารณารับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2558 

    ประธานฯ แจ้งว่าบริษัทได้จัดส่งสำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2558 

ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่านพิจารณาพร้อมกับหนังสือเชิญประชุมแล้ว  รวมทั้งได้เผยแพร่ไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท  (www.mk.co.th) แล้ว ดังนั้น จึงขอเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณารับรองรายงานการประชุมดังกล่าว

         ไม่มีผู้ถือหุ้นมีข้อซักถามหรือแสดงความเห็น

มติที่ประชุม :    ที่ประชุมมีมติรับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2558 ว่าถูกต้อง

ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

                475,849,479

              99.9979

ไม่อนุมัติ

                    -

                   -

งดออกเสียง

                10,100

              0.0021

รวม

                475,859,579

        100

 

วาระที่ 2    พิจารณารับรองผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบปีที่ผ่านมาและรายงานประจำปี 2558

    ประธานฯ มอบหมายให้ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา                        

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2558 สรุปพอสังเขปดังนี้

- ทรัพย์สินรวมเท่ากับ 11,677.6 ล้านบาท, หนี้สินรวมเท่ากับ 5,039.8 ล้านบาท, ส่วนของผู้ถือหุ้น 6,637.7 ล้านบาท มูลค่าหุ้นตามบัญชี 6.69 บาท/หุ้น 
- รายได้รวมเท่ากับ 3,996.5 ล้านบาท ประกอบด้วย:

    1. รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์        2,458.4 ล้านบาท

    2. รายได้จากการขายที่ดินเปล่า                      1,191.2 ล้านบาท

    3. รายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการ                    38.0 ล้านบาท

    4. รายได้จากธุรกิจสนามกอล์ฟ                            62.3 ล้านบาท 

    5. รายได้อื่นๆ                                                   112.7 ล้านบาท 

    6. กำไรจากการต่อรองราคาซื้อมูลค่า                  134.0 ล้านบาท 

    - กำไรขั้นต้น 1,140.9 ล้านบาท (คิดเป็น 30.42% ของรายได้)

    - กำไรสุทธิ  626.7 ล้านบาท (คิดเป็น 15.68% ของรายได้) ประกอบด้วย กำไรในส่วนของบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) 447.5 ล้านบาท, กำไรในส่วนของบริษัท แมนคอน จำกัด (บริษัทถือหุ้น 95.5%) 36.7 ล้านบาท, กำไรในส่วนของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(“พรอสเพค”) 29.9 ล้านบาท, ธุรกิจอื่นๆ  มีผลขาดทุน 10.8 ล้านบาท, กำไรจากการต่อรองราคาซื้อ 134.0 ล้านบาท, บริษัทย่อยมีผลขาดทุน 1.7 ล้านบาท, บริษัทร่วมมีผลขาดทุน 15.2 ล้านบาท และรายการเกี่ยวโยง 6.2 ล้านบาท   

    แผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ มีดังนี้

  1. พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยเพื่อขายต่อไปอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นที่พักอาศัยแนวราบเป็นหลัก พัฒนาแบรนด์ชวนชื่น ตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ว่าในปีพ.ศ. 2563 ยอดขายจะแตะที่ระดับ 4,000 ล้านบาท และคงอัตราส่วนกำไรสุทธิไว้ที่ประมาณ 14% 
  2.   ขายที่ดินหรือทรัพย์สินที่ไม่สร้างผลตอบแทนที่ดีเพื่อที่จะสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัท และพยายามที่จะให้มีผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นหรือ Return on Equity (ROE) ที่ประมาณ 15% และรักษาวินัยทางการเงินโดยจะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน D/E RATIO ในอัตราส่วนโดยประมาณที่ไม่เกิน 1 : 1  
  3.   เพิ่มรายได้ที่มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า   เช่น  ค่าเช่าคลังสินค้าและโกดังขอพรอสเพคที่เปิดดำเนินการแล้ว และโครงการที่กำลังจะเริ่มก่อสร้างคือ Park Court เป็นโครงการอพาร์ตเม้นท์ให้เช่าย่านถนนสุขุมวิท ติดกับโรงเรียนนานาชาติ โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปีพ.ศ. 2563 จะมีสัดส่วนของผลกำไรบริษัทจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และรายได้ประจำจากธุรกิจให้เช่า ในอัตราส่วน 50/50 โดยประมาณ 

การที่บริษัทมีรายได้ประจำจากธุรกิจให้เช่า จะส่งผลให้บริษัทมีความเสี่ยงน้อยกว่าที่บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเพียงอย่างเดียว  

สำหรับแนวทางในการดำเนินงานของบริษัท คือ พัฒนาแบรนด์ชวนชื่น  เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่เป็ที่ยอมรับและมีชื่อเสียงมายาวนาน ที่ตั้งของโครงการอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ราคาและรูปแบบบ้านเป็นที่ยอมรับและต้องการของตลาด และปัจจุบันก็ได้มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย

    ปี 2558 บริษัทฯมียอดโอนกรรมสิทธิ์เท่ากับ 2,454 ล้านบาท (810 ยูนิต) ยอดจองเท่ากับ 2,518 ล้านบาท (790 ยูนิต) ณ สิ้นปีมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) เท่ากับ 494 ล้านบาท (108 ยูนิต)

    มูลค่าโครงการสำหรับการขายในปี 2559 ประมาณ 5,976.3 ล้านบาท ประกอบด้วย 

    Backlog ณ สิ้นปี 2558                      494.0 ล้านบาท

    สิ้นค้าคงเหลือ ณ สิ้นปี 2558            3,739.3 ล้านบาท

    โครงการที่จะเปิดใหม่ 3 โครงการ     1,743.0 ล้านบาท

    โครงการที่เปิดขายในปัจจุบันมี 15 โครงการ มูลค่า 4,233 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว 100% และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง สำหรับโครงการที่จะเปิดใหม่มี 3 โครงการ คือ

  1. ชวนชื่น แกรนด์ ราชพฤกษ์-พระราม 5 : บ้านเดี่ยว ราคาตั้งแต่ 8-10 ล้านบาท จำนวน 108 ยูนิต มูลค่าโครงการ 902 ล้านบาท
  2. ชวนชื่น ทาวน์ กาญจนาฯ-บางใหญ่ : ทาวน์เฮ้าส์ ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท จำนวน 174 ยูนิต มูลค่าโครงการ 391 ล้านบาท

      3.ชวนชื่น พาร์ค กาญจนาฯ-บางใหญ่ : บ้านแฝด ราคาเริ่มต้น  3.4  ล้านบาท จำนวน 124 ยูนิต มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท 

    โครงการในอนาคตของบริษัทจะเน้นที่พักอาศัยแนวราบ สินค้าเป็นทาวน์โฮมระดับราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาท บ้านแฝดระดับราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาท ระยะเวลาในการขายประมาณ 12-18 เดือน

    ส่วนงบการเงินปี 2558 ของพรอสเพค ซึ่งบริษัทได้ควบรวมกิจการตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2558 นั้น มีรายได้เท่ากับ 271.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 79.2 ล้านบาท (คิดเป็น 29%) ปัจจุบันมี

  1. ที่ดินที่เป็นส่วนของอาคารคลังสินค้า/โรงงาน 115 ไร่ พื้นที่อาคารรวม 111,548  ตร.ม. และ
  2. ที่ดินเปล่า แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ที่พัฒนาร่วมทุนกับ TICON จำนวน 150 ไร่ และที่รอการพัฒนาอีก 144 ไร่ 

คลังสินค้าและโรงงานที่สร้างเสร็จแล้วมีอัตราการเช่าเฉลี่ย 95% อัตราค่าเช่าเฉลี่ย 179 บาท/ตร.ม./เดือน

ผู้ถือหุ้นมีข้อซักถามหรือแสดงความเห็นดังนี้

ผู้ถือหุ้น    : ขอชื่นชมคณะกรรมการบริษัท ที่มีแผนการพัฒนาที่ดี มีการปรับเปลี่ยนไปตามภาวะตลาด  

เช่น ที่ดินที่ไม่สามารถพัฒนาทำโครงการได้ก็ขายออกไป และเนื่องจากเป็นผู้รับมอบอำนาจจากสมาคมส่งเสริม
ผู้ลงทุนไทย ตามที่ทราบว่าบริษัทได้มีการเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตนั้น ขอทราบว่าขณะนี้บริษัทดำเนินการอยู่ในขั้นตอนใด

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร: บริษัทได้ประกาศนโยบายการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น และเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตแล้ว ซึ่งภายหลังจากนี้บริษัทจะพิจารณาเข้าร่วมกระบวนการรับรองโดยคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น ขณะนี้อยู่ในขึ้นตอนการเข้าร่วมกระบวนการรับรอง

ผู้ถือหุ้น    :    ตามที่กรรมการได้รายงานว่าบริษัทตั้งเป้ายอดขายจะแตะที่ระดับ 4,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4-5  ปีข้างหน้านั้น อยากทราบว่าปี 2559 ตั้งเป้าไว้ที่เท่าใด

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร: ปี 2558 มียอดขาย 2,450 ล้านบาท ดังนั้น ปี 2559 ตั้งเป้าการขายไว้เติบโตขึ้น 10% - 15%

ผู้ถือหุ้น    : มีหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีการปรับลดเป้าการขายลง แต่บริษัทฯปรับขึ้น จึงขอสอบถามว่าแนวโน้มยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2559 เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้หรือไม่

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร: ยอดขายในไตรมาสแรกส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของทางภาครัฐ ที่สนับสนุนเงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯจะมีการประชุมเพื่อหารือในเรื่องนี้ ซึ่งคาดว่ายอดขายน่าจะเป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้

        หลังจากนั้นไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถามต่อไปแล้ว ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม :    หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติรับรองรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบปีที่ผ่านมา และรายงานประจำปี 2558 ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

498,980,022

99.8595

ไม่อนุมัติ

-

-

งดออกเสียง

702,100

0.1405

รวม

499,682,122

100

วาระที่ 3    พิจารณาอนุมัติงบแสดงฐานะการเงินและงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของบริษัทประจำปีสิ้นสุดวันที่

    31 ธันวาคม 2558

        ประธานฯ มอบหมายให้นางสุธิดา สุริโยดร กรรมการบริหาร เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา                        

        นางสุธิดา สุริโยดร กรรมการบริหาร ได้รายงานฐานะการเงินของบริษัทประจำปี 2558 ให้ที่ประชุมทราบ โดยสรุปดังนี้ 

        รายได้รวม               3,996.5 ล้านบาท

        ค่าใช้จ่ายรวม          3,235.9 ล้านบาท

        กำไรสุทธิ                   626.7 ล้านบาท    

        สินทรัพย์รวม         11,677.6 ล้านบาท

        หนี้สินรวม               5,039.8 ล้านบาท

        ส่วนของผู้ถือหุ้น       6,637.7 ล้านบาท

        กำไรต่อหุ้น             0.71 บาท 

        อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน    0.76 เท่า

        มูลค่าหุ้นตามบัญชี         6.69 บาท/หุ้น

    นายอัฏฐ์ อัศวานันท์ ประธานกรรมการตรวจสอบ ได้แจ้งต่อที่ประชุมเพิ่มเติมว่า งบการเงินได้ผ่านการ

ตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว

ผู้ถือหุ้นมีข้อซักถามหรือแสดงความเห็นดังนี้

ผู้ถือหุ้น    : จากงบดุลจะเห็นว่าหนี้สินรวมเพิ่มขึ้นจาก 1,891 ล้านบาท เป็น 5,039 ล้านบาท ขอสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 

กรรมการบริษัท    : หากพิจารณาตามงบการเงินจะเห็นว่าทรัพย์สินรวมมีมูลค่า 11,677 ล้านบาท มีการเติบโตขึ้นประมาณ 4,000 ล้านบาท จากปี 2558 ส่วนหนึ่งมาจากการกู้ยืมประมาณ 3,000 ล้านบาท 

ผู้ถือหุ้น    :    ค่าตอบแทนกรรมการบริหารและผู้บริหารที่มีจำนวน 80 ล้านบาท ขอให้กรรมการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย

กรรมการบริษัท    : ตามปกติบริษัทจะจ่ายโบนัสให้กับพนักงานและผู้บริหารในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป  แต่ทั้งนี้ มีบางส่วนที่ไม่ได้ตั้งค้างจ่ายเอาไว้ ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติที่ผ่านมาของบริษัทฯ สำหรับปี 2558 คณะกรรมการได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่าควรทำให้ถูกต้อง คือการจ่ายโบนัสสำหรับงวดการดำเนินงานในปีใดก็ควรเป็นค่าใช้จ่ายในปีนั้นๆ จึงได้มีการตั้งค้างจ่ายในส่วนของโบนัสไว้ให้ครบถ้วน แต่เนื่องจากเป็นปีแรกที่มีการปรับปรุง ตัวเลขจึง สูงกว่าปกติ กล่าวคือ มีค่าโบนัสในปี 2557 และ 2558 อยู่ในบัญชีดังกล่าว สำหรับเงินบำเหน็จที่จ่ายเมื่อลาออกจากงาน เป็นเงื่อนไขของบริษัทฯที่ได้กำหนดไว้ว่าจะมีการจ่ายบำเหน็จให้แก่พนักงานเมื่อลาออกจากงาน โดยในปี 2558 มีการจ่ายบำเหน็จผู้บริหารที่ลาออกจำนวนรวม 21 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้มีการตั้งเข้าไปอยู่ในส่วนประมาณการผลประโยชน์ของพนักงานอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีผลกระทบต่องบกำไรขาดทุน โดยสรุปคือ ค่าตอบแทนกรรมการบริหารและผู้บริหารจำนวน 80 ล้านบาท มีจำนวนสูงกว่าปกติเนื่องจากมีค่าโบนัสของปี 2557 และ 2558 รวมอยู่ด้วย รวมทั้งเงินค่าบำเหน็จ ซึ่งหากปี 2559 ไม่มีกรรมการและผู้บริหารออก ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ไม่มี

ประธานฯ     : ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 บริษัทได้มีการตั้งสำรองเรื่องเงินโบนัสไว้ถูกต้องตามหลักการ

ทางบัญชีแล้ว  การจ่ายโบนัสก็ควรจ่ายตามปีที่เกิดขึ้น ดังนั้น ปี 2558 เป็นปีแรกที่มีการตั้งสำรองจึงทำให้ตัวเลขสูงกว่าปกติ หลังจากนั้นไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถามต่อไปแล้ว ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม :    หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติอนุมัติงบแสดงฐานะการเงิน และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของบริษัทประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558  ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

498,990,546

99.8583

ไม่อนุมัติ

-

-

งดออกเสียง

708,100

0.1417

รวม

499,698,646

100

 

วาระที่ 4    พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2558

    ประธานฯ มอบหมายให้เลขานุการที่ประชุมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา                        

    เลขานุการที่ประชุมชี้แจงต่อที่ประชุมว่า คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งจ่ายจากกำไรสะสม คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 248,002,544.25 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2559 โดยจะจ่ายเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 แล้ว 

    ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะกำหนด Record Date และวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลหลังจากผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นแล้ว    

ผู้ถือหุ้นมีข้อซักถามหรือแสดงความเห็นดังนี้

ผู้ถือหุ้น    :     เนื่องจากในการประชุมครั้งนี้บริษัทไม่ได้กำหนดวัน XD ซึ่งทำให้เกิดประเด็นข้อสงสัย และเกิดความเข้าใจผิดแก่นักลงทุนและอาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทได้ ทั้งนี้ บริษัททั่วไปในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศไปพร้อมกับวันประชุมผู้ถือหุ้นเลย จึงขอสอบถามถึงเหตุผลและอยากทราบว่าบริษัท ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งอยู่หรือไม่ 

ประธานฯ    : ชี้แจงว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้มีการจ่ายเงินปันผล แต่ยังไม่ได้

ประกาศวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดสิทธิ์ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล โดยที่คณะกรรมการบริษัทรอให้
ผู้ถือหุ้นอนุมัติก่อน เนื่องจากทางสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ขอให้แจ้งวันปิดสมุดทะเบียนหลังจากวันประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว เพราะว่าผู้ถือหุ้นที่อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลเป็นคนละกลุ่มกับผู้ถือหุ้นที่จะได้รับเงินปันผล บริษัทฯจึงได้ปฏิบัติตาม  แต่ก็มีข้อสงสัยจากผู้ถือหุ้น คณะกรรมการก็จะรับไว้พิจารณา สำหรับเรื่องการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งนั้น การพิจารณาจ่ายเงินปันผลขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท หากบริษัทมีผลกำไรเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ก็จะนำไปพิจารณา

ผู้ถือหุ้น    :    ปี 2557 มีกำไรต่อหุ้น 0.52 บาท จ่ายเงินปันผล 0.35 บาท/หุ้น แต่ปี 2558 มีกำไรต่อหุ้น 0.71 บาท แต่จ่ายเงินปันผล 0.25 บาท/หุ้น ขอสอบถามเหตุใดจึงจ่ายน้อยลง 

ประธานฯ     : คณะกรรมการพิจารณาจากผลกำไรเฉพาะบริษัทซึ่งมีกำไร 447 ล้านบาทไม่รวมกับบริษัทย่อยและบริษัทร่วม สัดส่วนการจ่ายเงินปันผลก็จะประมาณ 55.44 % ซึ่งจะใกล้เคียงกัน และจำนวนผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 992,010,177 หุ้น รวมทั้งจะต้องจัดเตรียมเงินลงทุนไว้สำหรับธุรกิจที่จะดำเนินการในอนาคต

หลังจากนั้นไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถามต่อไปแล้ว ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม :    หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2558 ตามรายละเอียดที่คณะกรรมการได้เสนอทุกประการ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

459,150,646

91.8855

ไม่อนุมัติ

40,538,000

8.1125

งดออกเสียง

10,100

0.0020

รวม

499,698,746

100

 

วาระที่ 5    พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระ

    ประธานฯ มอบหมายให้ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กรรมการผู้จัดการและในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากผู้ถือหุ้น เป็นประธานที่ประชุม เนื่องจากเป็นกรรมการที่ต้องออกตามวาระ                         

        นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ และประธานที่ประชุมได้มอบหมายให้เลขานุการ ที่ประชุมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา                        

        เลขานุการที่ประชุมชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ตามที่บริษัทฯ ได้เผยแพร่ประวัติของคณะกรรมการในเว็บไซต์ของบริษัทฯ (www.mk.co.th)  และมีรายละเอียดในหนังสือรายงานประจำปี 2558 ระบุอยู่ในหัวข้อคณะกรรมการและที่ปรึกษาฯ หน้า 14 ถึง 23 กรรมการบริษัทที่ต้องออกจากตำแหน่งตามวาระในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 จำนวน 4 ท่าน คือ

            1. นายสุเทพ    วงศ์วรเศรษฐ     

            2. นายฟิลิปวีระ    บุนนาค           

            3. นายศักดิ์ศรี    พฤฒิธรรมกูล     

            4. นายอัฏฐ์    อัศวานันท์ 

        นอกจากนี้ นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม และนางอัญชัน ตั้งมติธรรม ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ ของบริษัท ในระหว่างวาระตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2558 ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทยังไม่ได้แต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการที่ว่างดังกล่าว

        คณะกรรมการเห็นสมควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาเลือกตั้งกรรมการที่ต้องออกจากตำแหน่งตามวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งใหม่อีกวาระหนึ่ง

        และยืนยันให้คณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วยกรรมการจำนวน 12 คน  โดยสงวนตำแหน่งกรรมการของนางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม และนางอัญชัน ตั้งมติธรรม ที่ได้ลาออกไปในระหว่างวาระไว้ก่อนและ   มอบอำนาจให้คณะกรรมการของบริษัทเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการที่ว่างนี้ตามที่เห็นสมควรต่อไป

    ไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถาม ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม : หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติเลือกตั้งให้กรรมการที่ต้องออกจากตำแหน่งตามวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งใหม่อีกวาระหนึ่ง โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการเสนอ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

กรรมการ

อนุมัติ

ไม่อนุมัติ

งดออกเสียง

คะแนนเสียง

ร้อยละ(%)

คะแนนเสียง

ร้อยละ(%)

คะแนนเสียง

ร้อยละ(%)

1.

นายสุเทพ  วงศ์วรเศรษฐ

489,339,490

97.9269

10,352,400

2.0717

6,856

0.0014

2.

นายฟิลิปวีระ บุนนาค

488,608,890

97.7807

11,073,000

2.2159

16,856

0.0034

3.

นายศักดิ์ศรี พฤฒิธรรมกูล

488,608,890

97.7807

11,073,000

2.2159

16,856

0.0034

4

นายอัฏฐ์ อัศวานันท์

488,610,290

97.7807

11,073,000

2.2159

16,856

0.0034

 

และที่ประชุมมีมติยืนยันให้คณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วยกรรมการจำนวน 12 คน โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการเสนอ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

488,620,290

97.7827

ไม่อนุมัติ

11,077,056

2.2167

งดออกเสียง

2,800

0.0006

รวม

499,700,146

100

 

วาระที่ 6    พิจารณาอนุมัติการจ่ายเบื้ยประชุมคณะกรรมการปี 2558 เพิ่มเติม

    ประธานฯ มอบหมายให้เลขานุการที่ประชุมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา                 

    เลขานุการที่ประชุมชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ปี 2558 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติเบี้ยประชุมคณะกรรมการไว้ในวงเงินไม่เกิน 800,000 บาท โดยกำหนดการประชุมจำนวน 6 ครั้ง แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหาร

จึงมีการประชุมเพิ่มขึ้นรวมเป็น 15 ครั้ง มีเบี้ยประชุมตามที่กรรมการแต่ละท่านได้เข้าร่วมประชุมจำนวน 1,385,000  บาท ดังนั้น จึงทำให้มีค่าเบี้ยประชุมเกินจากที่ได้รับอนุมัติจำนวน 585,000 บาท คณะกรรมการบริษัทฯ จึงเห็นสมควรเสนอขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้บริษัทจ่ายเบี้ยประชุมคณะกรรมการปี 2558  เพิ่มเติม 

        ไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถาม ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม :    หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้บริษัทจ่ายเบี้ยประชุมคณะกรรมการปี 2558  เพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการบริษัทได้เสนอทุกประการ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

499,618,234

99.9831

ไม่อนุมัติ

20,756

0.0042

งดออกเสียง

63,856

0.0128

รวม

499,702,846

100

 

วาระที่ 7    พิจารณาอนุมัติการจ่ายบำเหน็จกรรมการประจำปี 2558

    ประธานฯ มอบหมายให้เลขานุการที่ประชุมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา    

    เลขานุการที่ประชุมชี้แจงต่อที่ประชุมว่า คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้บริษัทจ่ายบำเหน็จกรรมการประจำปี 2558 ในอัตรา 235,000 บาทต่อคน ซึ่งเท่ากับปี 2557 
โดยคำนวณตามระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งกรรมการในระหว่างปี 2558 ของกรรมการแต่ละท่าน รวมทั้งสิ้น 20 ท่าน คิดเป็นเงินบำเหน็จรวม 2,432,000 บาท (ปี 2557 จำนวนเงินบำเหน็จรวม 2,820,000 บาท)

    ไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถาม ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

 

มติที่ประชุม : หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้บริษัทจ่ายบำเหน็จกรรมการประจำปี 2558 โดยมีรายระเอียดตามที่คณะกรรมการบริษัทเสนอทุกประการ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

499,614,234

99.9823

ไม่อนุมัติ

14,756

0.0030

งดออกเสียง

73,856

0.0148

รวม

499,702,846

100

 

วาระที่ 8    พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่คณะกรรมการประจำปี 2559

    ประธานฯ มอบหมายให้เลขานุการที่ประชุมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา     

    เลขานุการที่ประชุมชี้แจงต่อที่ประชุมว่า คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้บริษัทจ่ายเงินค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมการชุดต่างๆ ในอัตราเดียวกับปี 2558 ตามรายละเอียด ดังนี้ 

    คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหา และคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทน เฉพาะกรรมการที่เข้าร่วมประชุม มีอัตราเบี้ยประชุม ดังนี้

        - ประธาน             15,000 บาทต่อครั้ง

        - กรรมการท่านละ        10,000 บาทต่อครั้ง

    ไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถาม ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม :    หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้บริษัทจ่ายเบี้ยประชุมคณะกรรมการชุดต่างๆ โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการบริษัทได้เสนอทุกประการ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

499,598,734

99.9791

ไม่อนุมัติ

30,756

0.0062

งดออกเสียง

73,856

0.0148

รวม

499,703,346

100

วาระที่ 9    พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดจำนวนเงินค่าตอบแทนประจำปี 2559

    ประธานฯ มอบหมายให้นายอัฏฐ์ อัศวานันท์ ประธานกรรมการตรวจสอบ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด
ในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา                    

    นายอัฏฐ์ อัศวานันท์ ประธานกรรมการตรวจสอบ ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ผู้สอบบัญชีของบริษัท
ครบกำหนดต้องออกจากตำแหน่งตามกำหนดวาระ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาเห็นชอบตามข้อเสนอ ของคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเห็นสมควรเสนอขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาแต่งตั้งบริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย
สอบบัญชี จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีประจำปี 2559 โดยมีรายชื่อผู้สอบบัญชีดังนี้

            รายชื่อผู้สอบบัญชี                                 เลขที่รับอนุญาต 

            1.  นางสาววิภาวรรณ    ปัทวันวิเวก                  4795

            2.  นายสุกิจ    วงศ์ถาวราวัฒน์                         7816

            3.  นางสาวมาริษา    ธราธรบรรพกุล                 5752

            4.  นางสาวปัทมวรรณ    วัฒนกุล                      9832

    ทั้งนี้ผู้สอบบัญชีตามรายชื่อที่เสนอไม่ได้มีความสัมพันธ์ หรือการมีส่วนได้เสียกับบริษัท/บริษัทย่อย/ ผู้บริหาร / ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว และยังไม่เคยลงนามเป็นผู้สอบบัญชีงบการเงิน   ของบริษัท และบริษัทย่อยมาก่อน 

    ค่าสอบบัญชีประจำปี 2559 ของบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,440,000 บาท
ค่าสอบบัญชีเพิ่มขึ้น 250,000 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 เนื่องจากบริษัทมีบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจำนวน 2 บริษัท จึงมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น

    ไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถาม ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม :    หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัทประจำปี 2559 

และกำหนดเงินค่าตอบแทนให้แก่ผู้สอบบัญชี ตามที่คณะกรรมการเสนอทุกประการ ด้วยคะแนนเสียง
ข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

499,622,734

99.9839

ไม่อนุมัติ

46,756

0.0094

งดออกเสียง

33,856

0.0068

รวม

499,703,346

100

วาระที่ 10    พิจารณาอนุมัติการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทข้อ 41 เปลี่ยนตราของบริษัท

    ประธานฯ มอบหมายให้เลขานุการที่ประชุมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา                        

    เลขานุการที่ประชุมชี้แจงต่อที่ประชุมว่า เนื่องจากบริษัทได้มีการเปลี่ยน Logo ของบริษัท เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กร ซึ่งได้เริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 คณะกรรมการบริษัทจึงมีความเห็นว่าควรเปลี่ยนตราประทับของบริษัทให้เป็นรูปแบบเดียวกับ Logo ใหม่ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทข้อ 41 เพื่อเปลี่ยนตราของบริษัทดังนี้

    ข้อ 41 ตราของบริษัทให้ใช้ดังที่ประทับไว้นี้

โดยแก้ไขชื่อภาษาอังกฤษเป็นดังนี้ “M.K. REAL ESTATE DEVELOPMENT PUBLIC COMPANY LIMITED”

    ไม่มีผู้ถือหุ้นสอบถาม ประธานฯ จึงเสนอขอให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ

มติที่ประชุม :    หลังจากที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ที่ประชุมมีมติอนุมัติการแก้ไขข้อบังคับของบริษัทข้อ 41 เปลี่ยนตราของบริษัท โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการเสนอทุกประการ ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก
ไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนดังนี้

มติที่ลง

จำนวนเสียงที่ลงมติ

(1 หุ้น = 1 เสียง)

คิดเป็นร้อยละของจำนวนหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

อนุมัติ

499,662,734

99.9919

ไม่อนุมัติ

-

-

งดออกเสียง

40,612

0.0081

รวม

499,703,346

100

วาระที่ 11    พิจารณาเรื่องอื่นๆ 

ผู้ถือหุ้นมีข้อซักถามหรือแสดงความเห็นดังนี้

ผู้ถือหุ้น    :    บริษัทจะมีโครงการตามแนวรถไฟฟ้าฯหรือมีแนวโน้มที่จะขยายธุรกิจไปในต่างจังหวัดบ้างหรือไม่

กรรมการบริษัทฯ        :    เนื่องจากโครงการหลักๆ ของบริษัทจะเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ยังไม่มีโครงการคอนโดมิเนียม จึงไม่มีโครงการที่ติดรถไฟฟ้าฯ ส่วนการขยายธุรกิจไปในต่างจังหวัดก็จะมีการพิจารณาแต่ก็ต้องดูความพร้อมของทีมงานด้วย สำหรับในตอนนี้จะเน้นโครงการในกรุงเทพมหานคร เป็นหลัก    

ไม่มีผู้ถือหุ้นมีข้อซักถามหรือแสดงความเห็นเพิ่มเติมจากที่กล่าวมา    

                ที่ประชุมผู้ถือหุ้น ไม่มีเรื่องอื่นใดเสนอเพิ่มเติมเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา และในวาระนี้ไม่มีเรื่องใดที่เสนอเพื่อขอให้ที่ประชุมลงมติแต่อย่างใด

                ประธานฯ ที่ประชุม จึงกล่าวขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมและให้การสนับสนุนกิจการ

ของบริษัทมาด้วยดีโดยตลอด หากมีผู้ถือหุ้นท่านใดมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเสนอเพิ่มเติมเข้าม ได้ที่ www.mk.co.th หรือทางโทรสาร 02-2166666 และกล่าวปิดการประชุม

 

ปิดประชุมเวลา 16.00 น. 

 

 ลงชื่อ.............................................................ประธานที่ประชุม

                    ( นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ )

 

 

ลงชื่อ..............................................................เลขานุการที่ประชุม

                    ( นายณัฐพสธร  นนทจิตต์ )
 

 
Share!
12.05.16

ข่าวล่าสุด

มั่นคงฯ ทุบสถิติ “ยอดขาย-รายได้-กำไร” ปี’58 สูงสุดเป็นประวัติการณ์

มั่นคงฯ ภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่แรงไม่หยุด โชว์ฟอร์มผลประกอบการประจำปี 2558

การประกวดงานจิตรกรรม

บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ได้จัดให้มีการประกวดงานจิตรกรรม

มั่นคงฯ ฮอต นักลงทุนแห่จองซื้อหุ้นกู้ 500 ล้านบาท เสริมแกร่งธุรกิจ

นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า “ตามที่บริษัทฯได้ดำเนินการออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท อายุ 3 ปี 9 เดือน

ขอเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559

ด้วยคณะกรรมการบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ได้มีมติให้จัดประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ในวันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน 2559 เวลา 14.00 น. ณ ห้องจามจุรี บอลรูม ชั้น เอ็ม โรงแรมปทุ.....

ข่าวประชาสัมพันธ์